ดีเอสไอเผย พบรถหรูจดประกอบ เข้าข่ายความผิด 3,773 คัน รับเป็นคดีพิเศษแล้ว 25 คัน จ่อแจ้งข้อหา
logo ข่าวอัพเดท

ดีเอสไอเผย พบรถหรูจดประกอบ เข้าข่ายความผิด 3,773 คัน รับเป็นคดีพิเศษแล้ว 25 คัน จ่อแจ้งข้อหา

11,249 ครั้ง
|
19 พ.ค. 2560

           กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) เผยความคืบหน้าการตรวจสอบ การนำรถยนต์จดประกอบจากอุปกรณ์ชิ้นส่วนเก่าเข้ามาในราชอาณาจักรโดยผิดกฎหมายฯ หรือรถหรู จากกรณีเกิดเหตุไฟไหม้รถยนต์หรู จ.นครราชสีมา เมื่อปี 2556 ก่อนมีการสืบสวนขยายผลจนพบรถยนต์จดประกอบทั้งหมด 7,123 คัน

 

            กรณีดังกล่าว ทางกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) และกรมขนส่งทางบก แบ่งการนำส่งเอกสารข้อมูลการจดทะเบียนรถนต์จดประกอบเป็น 2 ครั้ง คือ ครั้งแรก 548 คัน และครั้งที่สอง 6,575 คัน ซึ่งจากการตรวจสอบ 7,123 คัน เบื้องต้นพบว่าเข้าข่ายเป็นความผิด 3,773 คัน

 

            พ.ต.อ.ไพสิฐ วงศ์เมือง อธิบดีดีเอสไอ เปิดเผยว่า กรณีดังกล่าวนั้นผิดกฏหมายใน ความผิดตามมาตรา 27 หรือ มาตรา 27 ทวิ แห่งพ.ร.บ.ศุลกากร พ.ศ.2469 จำนวน 1,038 คัน โดยดำเนินการสืบสวนสอบสวนเป็นคดีพิเศษแล้วทั้ง 25 คัน และอยู่ระหว่างการสืบสวนเพื่อพิจารณาเป็นคดีพิเศษอีก 1,013 คัน โดยมีรายละเอียด คือรถหรูที่มีมูลค่าเกินกว่า 4 ล้านบาท พบความผิด 98 คัน จัดเป็นคดีพิเศษแล้ว 25 คัน และอยู่ระหว่างการพิจารณาเป็นคดีพิเศษ 73 คัน และอีกประเภทคือ รถที่มีมูลค่าไม่เกินกว่า 4 ล้านบาท พบความผิด 940 คัน และอยู่ระหว่างการพิจารณาเป็นคดีพิเศษ มีความผิดตามมาตรา 6 แห่ง พ.ร.ก.พิกัดอัตราศุลกากร พ.ศ.2530 จำนวน 2,735 คัน

 

            ซึ่งได้นำส่งข้อมูลรถจดประกอบให้กรมศุลกากรพิจารณาดำเนินการเรียกเก็บอากรโครงตัวถัง และเครื่องยนต์ที่นำเข้ามาจดประกอบเป็นรถยนต์ครบชุดสมบูรณ์ตามมาตรา 6 แห่งพ.ร.ก.พิกัดอัตราศุลกากรแล้ว 848 คัน

            อธิบดีดีเอสไอ เปิดเผยว่า ทางด้านกรมศุลกากรได้ส่งผลการพิจารณาสำหรับรถยนต์ที่คณะกรรมการพิจารณาเรียกเก็บอากร อุปกรณ์ชิ้นส่วนที่นำเข้ามาประกอบเป็นรถยนต์ครบชุดสมบูรณ์ตามมาตรา 6 มีมติให้เรียกเก็บอากรโครงรถยนต์เก่าใช้แล้ว และเครื่องยนต์เก่าใช้แล้วในพิกัดอัตราศุลกากรในฐานะสิ่งที่สมบูรณ์แล้วนั้น กลับมาให้ดีเอสไอดำเนินคดีอาญา 205 คัน และดีเอสไอได้ออกเลขคดีพิเศษเพื่อดำเนินคดีกับกลุ่มผู้กระทำความผิดไปแล้ว 27 คัน ทั้งนี้ คงเหลือข้อมูลรถจดประกอบที่ต้องนำส่งกรมศุลกากรพิจารณา 1,887 คัน ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างรอผลข้อมูลหมายเลขตั้งต้นโครงตัวถังรถยนต์และหมายเลขเครื่องยนต์จากโรงงานผู้ผลิตจากต่างประเทศ

 

            สำหรับคดีพิเศษ 25 คัน มีผู้ต้องหาที่เกี่ยวข้องในการกระทำความผิด ประกอบด้วย 1.นิติบุคคล 3 บริษัท 2.บุคคลธรรมดา ได้แก่ นักการเมืองท้องถิ่น, ข้าราชการตำรวจ, เจ้าหน้าที่กรมศุลกากร, อดีตเจ้าหน้าที่กรมการขนส่งทางบก, กลุ่มผู้นำเข้ารถจดประกอบ เจ้าของบริษัท และพนักงานบริษัท และคนยื่นขอจดทะเบียนกับกรมการขนส่งทางบก และได้แจ้งข้อกล่าวหากับผู้ต้องหาแล้ว

            ทั้งนี้ สำหรับผู้ครอบครองรถปัจจุบัน อย่างหลงเชื่อกลุ่มบุคคลแอบอ้างว่าสามารถตกลงกับเจ้าหน้าที่ไม่ให้มีการดำเนินคดี และไม่ต้องนำรถยนต์มาส่งมอบให้กับเจ้าหน้าที่ดำเนินการตรวจสอบ เพราะเบื้องต้นต้นรถยนต์ที่ท่านได้ครอบครองไว้ตามรายการดังกล่าว 73 คัน มีหลักฐานน่าเชื่อถือว่าอาจเข้าข่ายกระทำผิดตามกฎหมาย ทั้งนี้ เพื่อประโยชน์ต่อผู้ครอบครองรถยนต์ดังกล่าว และเป็นการปกป้องสิทธิของผู้ที่จะครอบครองรถยนต์รายต่อไป จึงให้ท่านนำรถยนต์ที่ครอบครองมาส่งมอบให้กับเจ้าหน้าที่ดีเอสไอ ดำเนินการตามขั้นตอนกฎหมายต่อไป

ที่มา มติชน