ตำรวจตั้งข้อหากักขังหน่วงเหนี่ยว 4 แท็กซี่พัทยาล้อมรถอูเบอร์ ขณะที่กลุ่มแท็กซี่ให้การปฏิเสธพร้อมเข้าร้องขอความเป็นธรรม
logo ข่าวอัพเดท

ตำรวจตั้งข้อหากักขังหน่วงเหนี่ยว 4 แท็กซี่พัทยาล้อมรถอูเบอร์ ขณะที่กลุ่มแท็กซี่ให้การปฏิเสธพร้อมเข้าร้องขอความเป็นธรรม

9,856 ครั้ง
|
18 พ.ค. 2560
     จากกรณีนายสุรศักดิ์ คูคำ อายุ 29 ปี คนขับรถอูเบอร์ เดินทางเข้าแจ้งความร้องทุกข์กับตำรวจ สภ.เมืองพัทยา จ.ชลบุรี พร้อมนำคลิปวีดีโอแสดงหลักฐานกรณีที่ถูกกลุ่มผู้ขับขี่รถแท็กซี่จำนวนหลายราย พาคนมาปิดล้อมรถยนต์ส่วนตัวขณะจอดรับผู้โดยสารชาวต่างชาติ บริเวณถนนพัทยาสายสอง ม.5 ต.หนองปรือ อ.บางละมุง จ.ชลบุรี โดยระบุว่าการกระทำดังกล่าวเป็นเข้าข่ายการกักขังหน่วงเหนี่ยวและข่มขู่ นั้น
 
     ล่าสุด พล.ต.ท.จิตติ รอดบางยาง ผบช.ภาค 2 พร้อมด้วยกำลัง ได้เชิญตัวผู้เกี่ยวข้องทั้งหมดทั้งในส่วนของผู้เสียหาย และกลุ่มรถแท็กซี่ เข้าร่วมทำการแถลงข่าว โดยระบุว่าเหตุการณ์ครั้งนี้เกิดขึ้นเป็นครั้งที่ 2 ซึ่งเป็นการกระทบกระทั่งกันในเรื่องทำกินระหว่างผู้ประกอบการ 2 ฝ่าย ซึ่งหลังเกิดเหตุก็ได้นำตัว นายสุรศักดิ์ คนขับรถอูเบอร์ มาเปรียบเทียบปรับจำนวน 1,000 บาทในข้อหาใช้รถผิดประเภทตามกฎหมาย จากนั้นนายสุรศักดิ์ ก็ได้มาแจ้งความดำเนินคดีกับกลุ่มคนขับแท็กซี่ โดยแจ้งว่าได้รับความเสียหายจากการสูญเสียอิสรภาพ 
 
     ทั้งนี้ ทางพนักงานสอบสวนจึงได้แจ้งข้อหาผู้ที่ร่วมอยู่ในเหตุการณ์จำนวน 4 ราย ได้แก่ นายกฤษณ์ แสงสุวรรณ์ อายุ 42 ปี นายชลอ พุ่มเพชร อายุ 39 ปี นายศุภกฤต ทองปลื้ม อายุ 42 ปี และนายปราโมช วัฒนศิริ อายุ 29 ปี โดยกล่าวหาว่า "ร่วมกันข่มขืนใจผู้อื่นให้กระทำการใด ไม่กระทำการใด หรือจำยอมต่อสิ่งใด โดยทำให้กลัวว่าจะเกิดอันตรายต่อชีวิต ร่างกาย เสรีภาพ ชื่อเสียง หรือทรัพย์ สิน และร่วมกันกักขังหน่วงเหนี่ยวหรือกักขังผู้อื่น หรือกระทำด้วยประการใดให้ผู้อื่นปราศจากเสรีภาพในร่างกายและให้ผู้อื่นนั้นกระทำการใดให้แก่ผู้กระทำหรือบุคคลอื่น" ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 309 และ 310 โดยผู้ต้องหาทั้ง 4 คนให้การปฏิเสธตลอดข้อกล่าวหา ซึ่งทางเจ้าหน้าที่จะได้ดำเนินการตามขั้นตอนต่อไป
 
     พล.ต.ท.จิตติ กล่าวว่า ปัญหาระหว่างแท็กซี่กับอูเบอร์ เกิดขึ้นเป็นครั้งที่ 2 ซึ่งถือว่าสร้างความเสียหายหลายด้าน กรณีนี้ที่ผ่านมาเคยมีการเรียกประชุมผู้ประกอบการและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องมาแล้ว เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดเหตุลักษณะนี้ขึ้นอีกแต่สุดท้ายก็ยังมีปัญหาขึ้น ซึ่งจากนี้ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจจะทำการกวดขันมากขึ้นในการจับกุมกลุ่มรถอูเบอร์ เนื่องจากถือว่าเป็นการกระทำที่ขัดต่อกฎหมาย ขณะที่รถแท็กซี่เองก็จะต้องปฏิบัติตนในอยู่ในกรอบเช่นกัน ทั้งตามข้อกำหนดของการให้บริการ และการละเลิกพฤติกรรมในการปิดล้อม ข่มขู่ ซึ่งหากยังฝ่าฝืนก็จะต้องดำเนินคดีเช่นกัน 
 
     อย่างไรก็ตาม จากนี้คงจะต้องมีการเรียกประชุมหารือผู้ที่เกี่ยวข้องทั้งหมดอีกครั้ง เพื่อขอความร่วมมือในการแก้ไขปัญหาดังกล่าวอย่างจริงจังต่อไป มีรายงานเพิ่มเติมว่าในช่วงท้ายของการแถลงข่าวได้มีกลุ่มผู้ประกอบการรถแท็กซี่จำนวนกว่า 20 ราย เดินทางเข้าร้องเรียนกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ โดยเรียกร้องให้มีการกวดขันจับกุมกลุ่มผู้ประกอบการรถอูเบอร์อย่างจริงจัง เนื่องจากเป็นรูปแบบการให้บริการที่ผิดกฎหมาย ขณะที่กลุ่มรถแท็กซี่ เป็นผู้ให้บริการที่มีการเสียภาษีอย่างถูกต้อง ซึ่งจากผลของการประกอบการของรถอูเบอร์ในปัจจุบัน ทำให้รายได้ของรถแท็กซี่ขาดหายไปเป็นอย่างมาก

ข่าวที่เกี่ยวข้อง