เรียกสาวขับรถชนท้ายเข้าเจรจา ปัดพูดเป็นหลานอัยการ ขอปชช.ใช้วิจารณญาณในการเสพสื่อ
logo ข่าวอัพเดท

เรียกสาวขับรถชนท้ายเข้าเจรจา ปัดพูดเป็นหลานอัยการ ขอปชช.ใช้วิจารณญาณในการเสพสื่อ

ข่าวอัพเดท : ผู้การตำรวจนครบาล 4 เชิญสองคู่กรณีสาวชนท้ายอ้างเป็นหลานอัยการเจราจร หลังคู่กรณีเข้าแจ้งความร้องทุกข์เอาผิดฐานหมิ่นประมาท โดยกรณีนี้ไ อัยการ,ชนท้าย,หลาน,อ้าง,เจรจา

6,926 ครั้ง
|
18 พ.ค. 2560
ผู้การตำรวจนครบาล 4 เชิญสองคู่กรณีสาวชนท้ายอ้างเป็นหลานอัยการเจราจร หลังคู่กรณีเข้าแจ้งความร้องทุกข์เอาผิดฐานหมิ่นประมาท โดยกรณีนี้ได้รับความสนใจจากประชาชน เนื่องจากผู้เสียหายมีการนำคลิปเหตุการณ์ขณะถูกด่าทอโพสลงเพจดัง "แหม่มโพธิ์ดำ" จนมีการแชร์อย่างมากในสังคมออนไลน์
 
 
จากกรณีที่มีการแชร์คลิป ในเพจ "แหม่มโพธิ์ดำ" ถึงเหตุการณ์ที่มีหญิงสาวสองรายมีปากเสียงและมีการระบุข้อความว่า ผู้ที่ถ่ายคลิปคือผู้เสียหายที่ถูกหญิงสาวที่กำลังอยู่ในอารมณ์ฉุนเฉียวด่าทอ ขับขี่รถยนต์ชนท้าย ที่บริเวณหน้าห้างสรรพรสินค้า เซ็นทรัลเลียบทางด่วนรามอินทรา - เอกมัย เหตุเกิดช่วงเวลา 10.00 น. ของวันที่ 17 พฤษภาคมที่ผ่านมา ก่อนที่หญิงสาวที่ขับรถยนต์ชนท้าย จะขับออกจากจุดเกิดเหตุโดยอ้างว่ามีธุระด่วน จนเกิดมีปากเสียงที่จุดเกิดเหตุครั้งหนึ่ง และผู้เสียหายได้เรียก บริษัทประกันภัยเข้ามาเจรจา ก่อนที่ผู้ที่ขับขี่รถยนต์ชนท้ายจะหลบหนีออกจากจุดเกิดเหตุ จนผู้เสียหายและบริษัทประกันได้ติดตามไปยังคอนโดแห่งหนึ่ง จนเกิดมีปากเสียงขึ้นอีกครั้งตามที่ปรากฏในคลิปที่มีการแชร์กันในขณะนี้ โดยสาเหตุที่มีประชาชนให้ความสนใจแชร์คลิปดังกล่าว เนื่องจากหญิงสาวที่ขับรถยนต์ชนท้าย มีการใช้ถ้อยคำหยาบคายในการด่าคู่กรณี และยังมีการอ้างว่า เป็นหลานของอัยการท่านหนึ่ง ทำให้เป็นที่สนใจของประชาชนในสังคมออนไลน์ 
 
 
ในวันนี้ (18 พ.ค.) พลตำรวจตรีนันทชาติ ศุภมงคล ผู้บังคับการตำรวจนครบาล 4 พร้อมด้วย พันตำรวจเอกสุพล ค้ำชู ผู้กำกับการสถานีตำรวจนครบาลโชคชัย ได้เชิญ นางสาวน้ำทิพย์ หรือก้อย ทองดี อายุ 33 ปี และนางสาวธันยกานต์ หรือส้มโอ สาเจริญ อายุ 26 ปี สองหญิงสาวคู่กรณีในคลิปดัง มาเจรจาที่สถานีตำรวจนครบาลโชคชัย เนื่องจาก ผู้เสียหายได้เดินทางเข้าแจ้งความร้องทุกข์กับพนักงานสอบสวน เพื่อให้ดำเนินการเอาผิด คู่กรณีในข้อหาหมิ่นประมาท ทำให้ต้องมีการเชิญคู่กรณีทั้งสองมาเจรจาเพื่อทำความเข้าใจและยุติเหตุการณ์นี้ 
 
 
นางสาวน้ำทิพย์ หรือก้อย ผู้เสียหาย ระบุว่าในส่วนของเหตุการณ์รถชนกัน เป็นเรื่องปกติที่สามารถเกิดขึ้นได้ ซึ่งส่วนตัวไม่ได้ติดใจ แต่ที่เข้าแจ้งความเนื่องจาก คู่กรณีไม่ยอมอยู่เคลียร์ในจุดเกิดเหตุและพยายามจะออกจากจุดเกิดเหตุ โดยให้ตนเองที่เป็นผู้เสียหายตามไปที่คอนโดของนางสาวส้มโอ โดยอ้างว่ามีธุระ แต่เมื่อไปถึงกลับโดนต่อว่าและด่าทอโดยใช้คำพูดหยาบคาย ข่มขู่ และยังมีการอ้างว่าเป็นหลานอัยการ ทำให้ตนเองรู้สึกไม่พอใจ จึงเดินทางเข้าแจ้งความเพื่อให้เจ้าหน้าที่ดำเนินคดี ขณะที่นางสาวธันยกานต์ หรือส้มโอ รับสารภาพว่าเกิดเหตุการณ์ดังกล่าวตามคลิปขึ้นจริง แต่ไม่ได้มีการอ้างว่าเป็นหลานของอัยการ ตามที่ผู้เสียหายเข้าใจ และเป็นที่วิจารณ์ของสังคมออนไลน์ ซึ่งในส่วนของค่าเสียหายได้ให้ทางบริษัทประกันดำเนินการชดใช้ตามขั้นตอน พร้อมขอให้ประชาชนที่เสพสื่อโซเชียล ให้ใช้วิจารณญาณในการเสพสื่อ และต้องให้ความเป็นธรรมกับผู้ที่ถูกกล่าวหาอย่างตนด้วยเช่นกัน 
 
 
พลตำรวจตรีนันทชาติ ระบุว่า ในส่วนของการดำเนินคดี ทางเจ้าหน้าที่ได้มีการแจ้ง 3 ข้อหาแก่นางสาวธันยกานต์ คือ ดูหมิ่นผู้อื่นซึ่งหน้า มีโทษจำคุกไม่เกิน 1 เดือน หรือปรับไม่เกินหนึ่งหมื่นบาท , ทำให้ผู้อื่นเกิดความกลัวหรือตกใจโดยการขู่เข็ญ มีโทษ จำคุกไม่เกิน 1 เดือน หรือปรับไม่เกินหนึ่งหมื่นบาท และขับขี่รถยนต์โดยประมาทเป็นเหตุให้ทรัพย์สินผู้อื่นเสียหาย มีโทษปรับ 400-1000 บาท ซึ่งยืนยันว่าได้สั่งการให้พนักงานสอบสวนส่งตัวผู้ต้องฟ้องต่อศาลแขวงพระนครเหนือ เพื่อให้ทางศาลพิจารณา โดยขอฝากให้ประชาชนที่เกิดเหตุลักษณะนี้ ขอให้ใจเย็นและติดต่อประกันของตนเองมาเจราจา หรือหากเจราจาไม่ได้ให้เข้าแจ้งความต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจเพื่อเข้าไปจัดการทางคดีต่อไป
 
 
ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ข่าวที่เกี่ยวข้อง