จากกรณีนายเจนภพ วีรพร ขับรถยนต์เบนซ์พุ่ง ชนท้ายรถยนต์ฟอร์ด ทำให้เพลิงไหม้รถ นายกฤษณะ ถาวร อายุ 32 ปี และน.ส.ธันฐภัทร์ ฮ้อแสงชัย อายุ34ปี นิสิตปริญญาโท มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เสียชีวิตคาซากรถ เหตุเกิดบนถนนพหลโยธิน กม.53 หมู่ 8 ต.เชียงรากน้อย อ.บางปะอิน จ.พระนครศรีอยุธยา เมื่อวันที่ 13 มีนาคม 2559 ที่ผ่านมา หลังเกิดเหตุเป็นที่วิพากษ์วิจารณ์ของสังคมของการทำงานของเจ้าหน้าที่ตำรวจ ว่าทำงานล่าช้า จนมีการเปลี่ยนทีมพนักงานสอบสวน ภายหลังมีการเปลี่ยนพนักงานสอบสวน ได้เร่งรวบรวมพยานหลักฐานที่เกี่ยวข้อง กับคดีทั้งหมด จนสามารถส่งสำนวนฟ้องต่อศาลจังหวัดพระนครศรีอยุธยา ใน7 ข้อหา
เมื่อวันที่ 9 พฤษภาคม ที่ศาลจังหวัดพระนครศรีอยุธยา นายเจนภพ วีรพร อายุ 37 ปี พร้อมด้วยทนายความ ญาติของผู้เสียชีวิตทั้ง 2 ราย ทีมทนายความ ได้เดินทางมาที่ศาลจังหวัดพระนครศรีอยุธยา เพื่อ สืบพยานโจทก์และจำเลยนัดสุดท้าย ใช้เวลานานกว่า 5 ชั่วโมง จึงแล้วเสร็จ โดยนายเจนภพปฎิเสธที่จะให้สัมภาษณ์กับผู้สื่อข่าวก่อนเดินขึ้นรถยนต์ออกไปจากศาลทันที
นายวิเชียร ชุปไธสง ทนายความ ของน.ส.ธันฐภัทร์ ฮ้อแสงชัยอายุ34 ปี กล่าวว่าในวันนี้เป็นการนัดสืบพยานโจท์และจำเลยนัดสุดท้าย ซึ่งที่ผ่านมาทางครอบครัวนายกฤษณะ ถาวร ได้ตกลงยินยอมรับในการชดใช้ค่าเสียหายจากจำเลย และในวันนี้ทางฝ่ายครอบครัวของน.ส.ธันฐภัทร์ หรือน้องเบนซ์ ยอมรับในส่วนของของค่าเสียหายที่จำเลยเสนอ แต่ไม่ขอเปิดเผยตัวเลข ซึ่งทางน.ส. ธันฐภัทร์หรือน้องเบนซ์ เป็นคนชอบปฎิบัติธรรม ทางญาติได้ตั้งใจว่าจะดำเนินการนำเงินทั้งหมดมาก่อตั้งมูลนิธิในส่วนเรื่องของการส่งเสริมพระพุทธศาสนา และจะร่วมรณรงค์ในเรื่องอุบัติเหตุโดยเฉพาะการขับขี่รถยนต์ในความประมาท เพราะน้องเบนซ์มาเสียชีวิตด้วยอุบัติเหตุเพราะความประมาท ต่อไปจะเป็นการดำเนินคดีในส่วนของคดีอาญา ซึ่งศาล ได้เลื่อนการไต่สวนสอบสวนพยานฝ่ายจำเลยและโจท์อีกครั้งในวันที่ 19 พฤษภาคม
นายเจริญ แก้วยอด อาของนายเจนภพ กล่าวว่า ทาง นายเจนภพและครอบครัว เสียใจต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นและยอมรับผิด พร้อมทั้งรับผิดชอบทุกอย่างที่ได้กระทำไป คดีนี้จะเป็นคดีตัวอย่างในสังคม ที่คนผิดต้องยอมรับผิดและรับผิดชอบในสิ่งที่กระทำลงไป เวรกรรมมีจริงต้องชดใช้กรรมที่กระทำ ส่วนจำนวนเงินไม่ขอเปิดเผยไม่อยากให้เอาจำนวนเงินมาตีค่าเป็นตัวเลข พันล้านก็ไม่คุ้ม
ที่มา - มติชน