สำนักข่าว mirror นำเสนอเรื่องราวน่าสงสารของ Amare Stover เด็กชายวัย 8 ปี จากรัฐอลาบามา ประเทศสหรัฐอเมริกา ป่วยมีก้อนเนื้องอกขนาดใหญ่ห้อยย้อยอยู่ทั่วใบหน้าและดวงตา จนทำให้ตอนนี้เด็กชายมองเห็นด้วยตาเพียงข้างเดียว และยังถูกเพื่อนร่วมชั้นพากันเรียกว่า "สัตว์ประหลาด"
เด็กชายเคราะห์ร้ายเกิดมาพร้อมความผิดปกติป่วยเป็นโรคนิวโรไฟโบรมาโตซิส ชนิดที่ 1 ซึ่งเป็นโรคทางพันธุกรรมชนิดหนึ่ง มีโอกาสเกิดขึ้นได้ 1 ใน 2,500 คน ทำให้เกิดเนื้องอกขึ้นตามส่วนต่างๆ ของร่างกาย นั่นหมายความว่าเนื้อร้ายสามารถลุกลามขึ้นได้ทุกส่วน ซึ่งนักประสาทวิทยาก็บอกว่ายิ่งเด็กโตขึ้นก้อนเนื้องอกก็จะยิ่งใหญ่ขึ้นตามไปด้วย
ความผิดปกติบนใบหน้าทวีความรุนแรงมากเป็นที่น่าตกใจตอนที่เขามีอายุได้เพียง 4 ปี ถึงขั้นที่แพทย์ต้องเจาะคอใส่ท่อช่วยหายใจ เพื่อป้องกันไม่ให้เขาสำลักเนื้องอกที่ขึ้นในคอจนอาจถึงแก่ชีวิต ขณะที่ก้อนเนื้อร้ายยังลุกลามไปที่กะโหลกศีรษะ ทำให้ตาซ้ายบอดและส่งผลต่อการเรียนรู้
ด้าน Kandice Stover แม่ของเด็กชายเล่าว่า ลูกชายต้องเผชิญกับความทุกข์ทรมานจากอาการเจ็บป่วย ใบหน้าบิดเบี้ยวผิดรูปและบวมเป่งราวกับลูกแตงโม แต่สิ่งที่ทำให้ลูกชายของเธอยิ่งรู้สึกแย่ก็คือสายตาของคนอื่นเมื่อต้องออกไปข้างนอก ต้องทนกับการจับจ้องและฟังคนเรียกตัวเขาว่า "สัตว์ประหลาด" เด็กบางคนก็ไม่ยอมเล่นด้วยเพราะกลัวหน้าตาอันอัปลักษณ์ หรือแม้แต่ผู้ใหญ่บางคนก็เอ่ยปากถามเขาต่อหน้าว่ากำลังสวมหน้ากากผีอยู่หรือเปล่า ซึ่งมันเป็นเรื่องที่เธอรู้สึกเจ็บปวดมาก เพราะในสายตาของตัวเองลูกชายก็เป็นเพียงเด็กธรรมดาคนหนึ่ง ที่ชอบวิ่งซนและชอบเล่นกีฬาเหมือนเด็กคนอื่นๆ เธอไม่รังเกียจหากมีคนเข้ามาซักถามเรื่องอาการของลูก แต่รู้สึกไม่สบายใจหากคนจับจ้องด้วยท่าทางในเชิงลบ
ย้อนไปเมื่อปี 2012 ขณะที่แพทย์กำลังทำ MRI ตรวจสอบการเติบโตของเนื้อร้าย เด็กชายได้หยุดหายใจและทำให้ต้องใส่ท่อช่วยหายใจมาตั้งแต่นั้น เพราะกังวลว่าวันหนึ่งเขาอาจจะหลับไปแล้วไม่ตื่นขึ้นมาอีก อาการของเขาแย่จนแพทย์บอกให้ครอบครัวเตรียมความพร้อมรับมือกับเรื่องเลวร้ายที่สุด เพราะเขาอาจจะต้องสูญเสียการมองเห็นและการได้ยินในที่สุด
ในช่วงปลายเดือนนี้ครอบครัวของเด็กชายจะทำการปรึกษากับศัลยแพทย์พลาสติก ว่าสามารถจะกำจัดก้อนเนื้องอกรอบดวงตาออกไปได้หรือไม่ แม้ว่าตลอดเวลา 5 ปีที่ผ่านมา แพทย์จะให้เคมีบำบัดเพื่อให้เนื้องอกหดตัวแต่ไม่เป็นผล
ขณะแม่ของเด็กชายได้เปิดรับบริจาคเงินผ่านเว็บไซต์ www.gofundme.com เพื่อใช้เป็นค่ารักษาพยาบาลของลูก เนื่องจากต้องแบกรับภาระในฐานะแม่เลี้ยงเดี่ยวที่ต้องดูแลลูกชายแบบเต็มตัว หลังต้องขายบ้านทิ้งแล้วมาอาศัยอยู่กับเพื่อนตั้งแต่ตอนที่ลูกต้องเข้ารับการผ่าตัดใส่ท่อช่วยหายใจ