จากกรณี "ซินแสโชกุน" หรือ นางสาวพสิษฐ์ อริญชย์ลาภิศ กรรมการบริหาร บริษัท เวลล์ เอฟเวอร์ จำกัด ผู้ต้องหาคดีร่วมกันฉ้อโกงประชาชน ซึ่งถูกจับกุมได้ที่ จ.ระนอง ระหว่างหลบหนี ภายหลังจัดทัวร์ญี่ปุ่นแบบขึ้นเครื่องบินเช่าเหมาลำแล้วลอยแพผู้เสียหายนับพันคน ที่ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ เมื่อวันที่ 12 เม.ย.ที่ผ่านมา ขณะนี้ถูกคุมขังไว้ที่ทัณฑสถานหญิงกลาง ขณะที่กลุ่มผู้เสียหายต่าง ทยอยนำหลักฐานเข้าพบตร. เพื่อแจ้งความอย่างต่อเนื่อง
ล่าสุดในช่วงเช้าวันนี้ พลตำรวจเอกศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เดินทางมากองปราบปรามเพื่อรับมอบตัว 8 ผู้ต้องหาตามหมายจับในคดี "ซินแสโชกุน" จากเจ้าหน้าที่ทหาร หลังเจ้าหน้าที่ทหารได้คุมตัวไว้ได้ในจังหวัดระนอง และทำการสอบสวนจนครบกำหนด 7 วัน ซึ่งทั้งหมดเป็นบุคคลใกล้ชิดซินแสโชกุน ประกอบด้วย นางมณฑญาณ์ นิรันดร หรือ จันทร์ฉาย นาคฤทธิ์ อายุ 55 ปี มารดาของซินแสโชกุน ,นายก้องศรัณย์ แสงประภา อายุ 22 ปี , นางสาวทัศย์ดาว สมัครกสิกรรณ์ อายุ 35 ปี ,นางประนอม พลานุสนธิ์ อายุ 40 ปี ,นางณิชมน แสงประภา อายุ 64 ปี ,นางพารินธรญ์ หงส์หิรัญ ดัคกอร์ อายุ 35 ปี ,นางสาว สุดารัตน์ อเนกนวล อายุ 25 ปี และนายโกวิท ช่วยสัตว์ อายุ 30 ปี ทั้งหมดถูกแจ้งข้อหาร่วมกันฉ้อโกงประชาชน และ ซ่องโจรฯ โดยเจ้าหน้าที่ได้เตรียมทนายความจากสภาทนายความ เพื่อให้ผู้ต้องหาปรึกษาในข้อกฏหมาย
คดีนี้ พนักงานสอบสวนได้คุมตัวนางสาวพสิษฐ์ อริญชย์ลาภิศ หรือซินแสโชกุน ไปขออำนาจศาลฝากขังแล้วเมื่อวันที่ 14 เมษายน ที่ผ่านมา และได้อายัดทรัพย์ของกลางไว้ รวมกว่า 15 ล้านบาท โดยแบ่งเป็น เงินสดในบัญชี 3 ล้านบาท และทรัพย์สินเป็นรถยนต์หรุ และคอนโด ที่เป็นของ นางสาวพสิษฐ์ รวมกว่า 12 ล้านบาท เจ้าหน้าที่ยังได้มีการตรวจร่างกายผู้ต้องหาทั้งหมด พร้อมทั้งตรวจสอบทรัพย์สินที่เจ้าหน้าที่ทหารทำการยึดไว้ในวันคุมตัว
ผู้ต้องหาทั้ง 8 ราย ยังคงให้การปฏิเสธทุกข้อกล่าวหา รวมถึงปฏิเสธว่าไม่ได้ชักชวนกลุ่มผู้เสียหายไปเที่ยวญี่ปุ่น แต่รับสารภาพว่าทำเพียงการขายอาหารเสริมเพียงอย่างเดียว ซึ่งยืนยันว่าเป็นการขายอาหารเสริมจากบริษัทใหญ่ต่างชาติ จริง มีผลิตภัณฑ์ จริงโดยไม่ได้มีการอ้างว่าหากสมัครจะได้ไปเที่ยวญี่ปุ่น และนางมณฑญาณ์ มารดาของนางสาวพสิษฐ์ ยังยืนยันว่า ส่วนตัวยังเชื่อว่าลูกสาวไม่ได้ทำร้ายใคร และธุรกิจยังเป็นของจริง โดยจะขอพิสูจน์ในขั้นศาล
ขณะที่รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ยังยืนยันว่าตำรวจยืนยันจะตรวจสอบจับกุมผู้ที่พบว่ามีหลักฐานเชื่อมโยงถึง ส่วนใครจะยืนยันว่าเป็นผู้บริสุทธ์ ก็ต้องไปพิสูจน์ในขั้นศาล ส่วนตัวนายทุนต่างชาติ ที่มีการอ้างถึง อยู่ระว่างการสอบสวนยังไม่สามารถให้รายละเอียดได้