มีเงื่อนงำ! พี่สาวสงสัยนางพยาบาลผูกคอดับปริศนา ตร.ไม่ปักใจเชื่อคาดอำพรางคดี
logo ข่าววันใหม่

มีเงื่อนงำ! พี่สาวสงสัยนางพยาบาลผูกคอดับปริศนา ตร.ไม่ปักใจเชื่อคาดอำพรางคดี

ข่าววันใหม่ : วันที่ 29 ส.ค. สระบุรี - มีเงื่อนงำ! พี่สาวสงสัยนางพยาบาลผูกคอดับปริศนา ตร.ไม่ปักใจเชื่อคาดอำพรางคดี นางพยาบาลผูกคอตาย,นางพยาบาลผูกคอตายบ้านสามี,สระบุรี,อำพรางคดี

995 ครั้ง
|
30 ส.ค. 2563
วันที่ 29 ส.ค. สระบุรี - มีเงื่อนงำ! พี่สาวสงสัยนางพยาบาลผูกคอดับปริศนา ตร.ไม่ปักใจเชื่อคาดอำพรางคดี
 
แพทย์เวร รพ.สระบุรี และเจ้าหน้าที่กู้ภัยสว่างสระบุรี ตรวจสอบบ้านที่เกิดเหตุผู้เสียชีวิตที่ผูกคอตาย ทราบชื่อผู้เสียชีวิต น.ส.ธิดาเดือน รุ่งแสง อายุ 42 ปี แพทย์จึงได้ชันสูตรพลิกศพ พบรอยเชือกรัดที่คอจนช้ำ หน้าผากข้างซ้ายโนและแตก เลือดไหลไม่มากนัก จึงต้องส่งศพไปชันสูจน์ที่โรงพยาบาลสมเด็จพระเทพ อ.องครักษ์ จ.นครนายก ก่อนจะลงความเห็นว่าเกิดจากอะไรกันแน่
 
เจ้าหน้าที่ตำรวจได้สอบปากคำ นายเอกพัฒน์ คันธาวัฒน์ อายุ 48 ปี สามีของผู้ตาย เล่าว่า ตนเองมีภรรยา 2 คน คนแรกชื่อ นางธวัลรัตน์ คันธาวัฒน์ เป็นภรรยาคนแรก อยู่กับตนที่บ้านหลังดังกล่าว และคนที่สอง น.ส.ธิดาเดือน รุ่งแสง อายุ 42 ปี มีลูกด้วยกัน 1 คน ก่อนเกิดเหตุ เมื่อวันที่ 28 ส.ค. ตนเองได้ไปที่บ้านของผู้ตายและเกิดมีปากเสียงกันเรื่องลูก ตนจึงได้เอาลูกสาวกลับมาอยู่กับตนที่บ้าน จนเวลาประมาณ 01.00 น. ผู้ตายได้ตามมาที่บ้านของตนและเปิดประตูรั้วบ้านเข้ามาอยู่ข้างในบ้าน แต่ไม่รู้ว่ามารถอะไร และตะโกนเรียกให้เปิดประตูบ้าน แต่ตนเองไม่เปิดให้กลัวว่าจะทะเลาะกัน เนื่องจากว่า ตนเองไปเอาลูกสาวมาและผู้ตายน่าจะมาขอลูกสาวคืน จนผู้ตายโวยวายไปพักใหญ่ และมีเสียงดังกุกๆ กักๆ แล้วเสียงก็เงียบหายไป ตนเองก็ไม่ได้สนใจ และไม่ได้เปิดประตูออกมาดูนึกว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้น
 
จนรุ่งเช้าประมาณ 07.30 น. นางธวัลรัตน์ ภรรยาคนแรก ได้เปิดประตูบ้านออกมา ก็ตกใจ เห็นผู้ตายได้ผูกคอห้อยโตงเตงอยู่กับขื่อหลังคาโรงรถข้างเสาหน้าบ้าน จึงได้วิ่งเข้าไปเรียกให้ตนออกมาดู ก็พบผู้ตายผูกคอเสียชีวิตแล้ว ขณะนั้นได้มีคนรู้จักมาหาพอดี เห็นเหตุการณ์จึงได้ช่วยกันนำร่างของผู้ตายลงมานอนที่พื้น ผู้ตายน่าจะน้อยใจที่ทะเลาะกับตนเอง และตนได้เอาลูกมา ผู้ตายจึงได้ตัดสินใจผูกคอตายด้วยความน้อยใจ ตนจึงรีบโทรแจ้งให้เจ้าหน้าที่ตำรวจมาตรวจสอบในที่เกิดเหตุดังกล่าว
 
ขณะนั้น พี่สาวผู้ตาย ได้เดินทางมาดูศพในที่เกิดเหตุ ได้เข้าไปกอดร่างที่ไร้วิญญาณของน้องสาว เสียใจร้องห่มร้องไห้เป็นการใหญ่ และได้เห็นหน้าผากของน้องสาวมีอาการโนและแตก มีเลือดไหลนิดๆ จึงได้ถาม นายเอกพัฒน์ สามีผู้ตาย ว่า ทำไมหัวมีรอยแตกและเลือดออก นายเอกพัฒน์ได้บอกว่าไม่รู้ และยังได้ถามอีกว่า ไม่รู้ได้ไงเพราะอยู่ด้วยกันในที่เกิดเหตุ นายเอกพัฒน์ ก็ไม่ได้ตอบอะไร พี่สาวผู้ตายสงสัยในการตายของน้องสาว จึงอยากให้เจ้าหน้าที่ตำรวจได้สอบสวนหาข้อเท็จจริงว่าการตายเกิดจากสาเหตุอะไรกันแน่
 
ทางด้านเจ้าหน้าที่ตำรวจ ยังไม่ปักใจเชื่อคำพูดของ นายเอกพัฒน์ ผู้เป็นสามีของผู้ตาย ในการให้ปากคำไม่ตรงกับเจ้าหน้าที่ตำรวจที่ได้ตรวจสอบในที่เกิดเหตุ เช่น การผูกคอตาย เป็นเชือกไนร่อนเหนียวขนาดใหญ่ เบอร์ 20 ธรรมดาถ้าคนผูกคอตายจะไม่ใช้เชือกใหญ่ เพราะมันผูกเป็นเงื่อนไม่ได้ และยังนำศพลงมาก่อนที่เจ้าหน้าที่ตำรวจจะไปถึง ยังพบ บาดแผลที่บริเวณหน้าผากมีเลือดไหลออกมาเล็กน้อย และยังบอกว่าไปหาผู้ตายที่แก่งคอย เพื่อเอาลูกสาวมาอยู่ด้วย แต่เจ้าหน้าที่ได้ตรวจสอบพบว่า ไปทะเลาะกันอยู่ที่บ้านผู้ตาย และยังบอกอีกว่า ผู้ตายไม่มีงานทำ แต่ทางพี่สาวบอกว่า ผู้ตายเป็นนางพยาบาลอยู่ที่ โรงพยาบาลเอกชนแห่งหนึ่งใน อ.แก่งคอย จ.สระบุรี ข และที่โรงรถยังมีกล้องวงจรปิดแต่ว่า นายเอกพัฒน์บอกเสียใช้ไม่ได้ และยังพบรถจักรยานยนต์ ไม่มีแผ่นป้ายทะเบียนติดที่รถ แต่ได้เปิดใต้เบาะรถดูพบ ป้าย พ.ร.บ. หมายเลขทะเบียนรถ ลักษณะน่าจะมีคนจูงออกมาไว้หน้าบ้าน หันหัวรถออกไปทางถนน
 
พ.ต.ท.ภัฏ ผดุงรัตน์ พนักงานสอบสวน สภ.เมืองสระบุรี จึงได้ให้เจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐานสระบุรี มาตรวจดีเอ็นเอของผู้ตาย และของในที่เกิดเหตุทั้งหมด เพื่อหาหลักฐานการเสียชีวิตของ น.ส.ธิดาเดือน ว่าเสียชีวิตก่อนแล้วจึงได้นำศพไปผูกคอเพื่ออำพรางคดี ระหว่างนี้ต้องรอผลชันสูตรของผู้ตายก่อนว่าเกิดจากสาเหตุอะไรกันแน่ต่อไป
 
ชมผ่านยูทูบ : https://youtu.be/jSYj8DhQ5Tk

ข่าวที่เกี่ยวข้อง