เมื่อเวลา 21.00 น. วันที่ 7 ก.พ. ร.ต.อ.อภิรักษ์ จันทวิเศษ รอง สวป.สภ.เมืองนครศรีธรรมราช ได้รับแจ้งว่าเกิดเหตุเพลิงไหม้บ้านในซอยฝั่งตรงข้ามวัดพระมหาธาตุวรมหาวิหาร ต.ในเมือง อ.เมือง จ.นครศรีธรรมราช รับแจ้งแล้ว จึงพร้อมด้วยกำลังตำรวจสายตรวจ จนท.อาสาสมัครมูลนิธิประชาร่วมใจและมูลนิธิต่างและรถดับเพลิงเทศบาลนครนครศรีธรรมราช ร่วมกันรุดไปยังที่เกิดเหตุ
แต่เนื่องจากบนถนนราชดำเนินมีการจราจรติดขัดอย่างหนักเนื่องจากภายในวัดพระมหาธาตุฯ มีชาวบ้านและนักท่องเที่ยวแห่ไปเที่ยวจำนวนมาก ทำให้จนท.และรถดับเพลิงต้องเข้าไปทำการดับเพลิงด้วยความยากลำบากอย่างทุลักทุเล กว่าจะเข้าไปถึงจุดเพลิงไหม้ได้ ท่ามกลางความแตกตื่นของชาวบ้านและนักท่องเที่ยวบริเวณหน้าวัดและในวัดจำนวนมาก
เมื่อไปถึงที่เกิดเหตุภายในซอยห่าบจากถนนราชดำเนินประมาณเกือบ 100 เมตร จนท.พบเพลิงกำลังโหมลุกไหม้บ้านดังกล่าวซึ่งเป็นบ้านไม้โบราณชั้นเดียว เปลวไฟโหมลุกไหม้สูงลิ่วประมาณ เกือบ 10 เมตร ซึ่งจนท.ดับเพลิงได้ลากสายเข้าไประดมฉีดดับเพลิงอยู่นานประมาณ 20 นาที เพลิงจึงสงบลง โดยพบว่าเพลิงได้ไหม้บ้านดังกล่าวซึ่งเป็นบ้านไม้ทั้งหลังจนวอดหมดทั้งหลัง โดยเพลิงไม่ได้ไหม้ลุกลามไปยังหลังอื่นแต่อย่างใด มูลค่าความเสียหายยังประเมินค่าไม่ได้
ในขณะที่เปลวไฟจากบ้านที่เกิดเหตุ ทำให้เพื่อนบ้านใกล้เคียงที่อยู่ติดกับบ้านที่เกิดเหตุได้รับบาดเจ็บ 1 ราย ชื่อนายบุญพา ผลหิรัญ อายุ 87 ปี มีแผลถูกเปลวไฟลวกที่แผ่นหลัง ซึ่งจนท.มูลนิธิประชาร่วมใจได้รีบนำร่างนายบุญพา ส่งรักษาตัวที่ รพ.เทศบาลนครนครศรีธรรมราช อาการปลอดภัยแล้ว
สอบสวนเบื้องต้นทราบว่า บ้านเพลิงไหม้ที่เกิดเหตุมีชายสติไม่สมประกอบทราบเพียงชื่อเล่นว่า ติ่ง อายุประมาณ 70 ปี อาศัยอยู่ในบ้านดังกล่าวเพียงลำพังคนเดียว โดยชาวบ้านระบุว่านายติ่ง ชายสติไม่สมประกอบปกติจะชอบจุดไฟเล่นในบ้านเป็นประจำ เคยตักเตือนหลายครั้งแต่ไม่เชื่อฟัง
ซึ่งหลังเกิดเหตุแล้วจนท.ยังไม่พบตัวนายติ่ง ชายสติไม่สมประกอบรายนี้ คาดหลังจากจุดไฟเล่นจนไฟไหม้ลุกลามวอดทั้งหลังแล้ว อาจจะตกใจวิ่งหลบหนีหายไป ซึ่งอย่างไรก็ตามหลังจากเดิเหตุแล้ว ร.ต.อ.ปราโมทย์ มีนุ่น รอง สว.(สอบสวน) สภ.เมืองนครศรีธรรมราชได้มาตรวจที่เกิดเหตุและจะได้แจ้งให้ตำรวจพิสูจน์หลักฐานมาตรวจสอบที่เกิดเหตุอีกครั้งเพื่อหาสาเหตุที่แท้จริงเพลิงไหม้ครั้งนี้ต่อไป