ผู้ว่าฯภูเก็ต  ยืนยันพบชาวบ้านคนแรกที่เห็น'ไอ้เข้กลางทะเล' จริง!  ด้านประมงชี้เป็นไอ้เข้น้ำจืด เร่งจัดทีมไล่ล่าด่วน!
logo ข่าวอัพเดท

ผู้ว่าฯภูเก็ต ยืนยันพบชาวบ้านคนแรกที่เห็น'ไอ้เข้กลางทะเล' จริง! ด้านประมงชี้เป็นไอ้เข้น้ำจืด เร่งจัดทีมไล่ล่าด่วน!

11,306 ครั้ง
|
30 ส.ค. 2560
 
จากกรณีเว็บไซต์ The Phuket News ซึ่งเป็นสื่อภาษาอังกฤษ ของจังหวัดภูเก็ต ได้มีการเผยแพร่ภาพนิ่งและวีดิโอคลิปรายงานข่าวเกี่ยวกับจระเข้ขนาดใหญ่ซึ่งว่ายน้ำอยู่ในทะเล ซึ่งในรายละเอียดระบุว่าเป็นหาดบางเทา อ.ถลางจ.ภูเก็ต โดยในคลิปดังกล่าว เป็นภาพมุมสูงที่ถ่ายจากโดรน เห็นจระเข้ขนาดใหญ่ กำลังว่ายน้ำไปอย่างใจเย็น ซึ่งห่างจากชายฝั่งไปเกือบ 100 เมตร ซึ่งโครนก็พยายามเข้าไปใกล้ ก่อนที่จระเข้ตัวดังกล่าวจะตกใจและดำน้ำหายไป 
 
ล่าสุดเมื่อช่วงเที่ยงวันนี้( 30 ส.ค.60) นายนรภัทร ปลอดทอง ผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต พร้อมด้วย นายไพบูลย์ บุญลิปตานนท์ ประมงจังหวัด ภูเก็ต ว่าที่ร้อยตรีวิกรม จากที่ นายอำเภอถลาง , และเจ้าหน้าที่จากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องลงพื้นที่ตรวจสอบจุดเกิดเหตุบริเวณหาดเลพังรอยต่อหาดบางเทา ต.เชิงทะเล อำเภอถลาง จังหวัดภูเก็ต ไปตรวจสอบข้อมูลและค้นหาจระเข้ ที่มีการเผยแพร่ในสื่อโซเชียลมีเดีย
 
นายนรภัทร ปลอดทอง ผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต กล่าวภายหลังการลงพื้นที่ ว่า หลังจากมีข่าว ภาพของจระเข้เผยแพร่ในสื่อโซเชียลมีเดีย ทางจังหวัดได้สั่งการให้ประมงจังหวัดภูเก็ตร่วมกับอำเภอถลาง และกำนันผู้ใหญ่บ้านได้ลงพื้นที่เพื่อที่จะตรวจสอบ ว่าข้อมูลการพบจระเข้ดังกล่าวมีมูลความจริงหรือไม่ เนื่องจากเป็นภาพที่ปรากฏอยู่ใน สื่อโซเชียลมีเดีย ผลจากการตรวจสอบข้อมูลนายอำเภอถลางได้รายงานว่าได้พบประชาชนที่เป็นผู้ถ่ายภาพจระเข้คนแรกแล้ว โดยข้อสรุป เชื่อได้ชัดเจนว่าเป็นจระเข้จริง เนื่องจากมีทั้งพยานบุคคล พยานวัตถุจากภาพถ่ายซึ่งมีทั้งภาพนิ่งและภาพเคลื่อนไหวซึ่งถ่ายไว้ได้เมื่อวันที่ 25 สิงหาคมที่ผ่านมา 
 
โดยขณะนี้ทางจังหวัดได้สั่งการให้ประมงจังหวัดประสานกับหน่วยงานที่มีความเชี่ยวชาญในการจับจระเข้ เพื่อมาทำงานเฝ้าระวังและตรวจสอบ ในส่วนของพื้นที่กำนันผู้ใหญ่บ้าน ก็จะช่วยทำงานตรวจสอบพื้นที่แหล่งน้ำที่คาดว่าจระเข้จะเข้าไปอาศัยหลบหรือซ่อนตัวอีกทางหนึ่ง โดยทางด้านประมงได้ยืนยันข้อมูลมาว่าจระเข้ตัวดังกล่าว เป็นจระเข้น้ำจืด เนื่องจากในบริเวณพื้นที่ชายหาดบางเทาและ สภาพใกล้เคียงไม่เหมาะจะเป็นที่อยู่อาศัยของจระเข้น้ำเค็ม โดยทางจังหวัดได้เร่งจัดตั้งทีมในการไล่ล่าจับจระเข้ให้ได้อย่างเร่งด่วน 
 
อย่างไรก็ตามปกติทุกชายหาดของจังหวัดภูเก็ตจะมี เจ้าหน้าที่ไลท์การ์ด ขององค์การบริหารส่วนจังหวัดภูเก็ต  โดยในช่วงนี้จังหวัดได้ขอความร่วมมือให้เจ้าหน้าที่ไลท์การ์ด เพิ่มความเข้มข้นในการปฏิบัติงานตรวจตราความปลอดภัยให้กับนักท่องเที่ยว และได้สั่งการให้ประมงจังหวัดภูเก็ตประสานกับหน่วยงานที่มีกล้องถ่ายโดรน เข้ามาช่วยปฏิบัติงาน ถ่ายภาพ บริเวณชายหาด เป็นระยะๆ และเพื่อความไม่ประมาททางจังหวัดได้แจ้งประชาสัมพันธ์ให้นักท่องเที่ยวได้เฝ้าระวังการเล่นน้ำในบริเวณชายหาด ด้วยในกรณีที่ เจ้าหน้าที่ไลท์การ์ด อาจดูแลไม่ทันหรือไม่ทั่วถึง
 
ด้านว่าที่ร้อยตรีวิกรม จากที่ นายอำเภอถลาง เผยผลจากการตรวจสอบข้อมูล ภาพถ่ายจระเข้ ที่มีการนำเสนอในสื่อออนไลน์พบว่าเป็นภาพถ่ายที่ถ่ายโดยนักท่องเที่ยว เมื่อวันที่ 25 สิงหาคม 2560 ในพื้นที่ชายหาดบางเทา จังหวัดภูเก็ต ทั้งนี้ นักท่องเที่ยวชาวไทยสามารถเก็บภาพไว้ได้ โดยเบื้องต้นเป็นการถ่ายโดยใช้กล้องของโทรศัพท์มือถือ ซึ่งภาพไม่ชัดเจน นักท่องเที่ยวชาวต่างชาติที่อยู่ในบริเวณดังกล่าว จึงกลับไปนำกล้องโดรนมาถ่าย และได้นำไปเผยแพร่ในสื่อโซเชียลมีเดียเมื่อวันที่ 29 สิงหาคม 2560 
 
ขณะที่นายไพบูลย์ บุญลิปตานนท์ ประมงจังหวัด ภูเก็ต กล่าวว่า ความกังวลที่หลายส่วนกลัวว่าจระเข้จะดุร้ายหรือไม่ ขอชี้แจง ว่า โดยเบื้องต้นจระเข้หากไม่โดนทำร้ายหรือโดนรังแกก่อน และอยู่ในพื้นที่กว้าง จระเข้ จะไม่ดุร้าย จึงมีโอกาสน้อยมากที่จะทำร้าย คน ทั้งนี้หากชาวประมงหรือนักท่องเที่ยว เจอกับตัวจระเข้ การปฏิบัติเบื้องต้นคือ ให้พยายามหลีกเลี่ยงการปะทะ อย่าไปทำร้าย แต่ให้รีบแจ้งเจ้าหน้าที่
 
สำหรับในการค้นหา ไล่ล่าทางจังหวัดได้วางแผน ดำเนินการคือการใช้เครือข่ายตาสับปะรดในการเฝ้าระวัง นอกจากนี้จะใช้เครือข่ายของผู้ประกอบการร้านค้า ประชาชนเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยที่อาศัยอยู่บริเวณชายฝั่ง ได้ช่วยกันตรวจตราความปลอดภัยและเบาะแสของจระเข้
 
โดยทางจังหวัดจะพยายามเร่งจับจระเข้ให้ได้โดยเร็วที่สุด และจากการคาดการณ์ คาดว่าจระเข้ ตัวดังกล่าวเป็นจระเข้น้ำจืด ดังนั้นจะ อาศัย อยู่ในแหล่งน้ำเค็มได้ไม่นาน ประมาณ 2-3 วัน จระเข้ก็ต้องมีการเคลื่อนไหวไปที่อื่นเพื่อความอยู่รอด เนื่องจากจระเข้ มีลักษณะทางกายภาพ และความเข้มของเลือด กับความเข้มข้นและความเค็มของทะเล ที่แตกต่างกัน ประมงจังหวัดภูเก็ตกล่าวเพิ่มเติมว่า ในอดีตบริเวณใกล้เคียง บริเวณนี้เคยมีการเลี้ยงจระเข้อยู่ 2 ฟาร์ม แต่ปัจจุบันได้ยกเลิกไปแล้ว เมื่อปี 2559 จึงคาดการณ์ว่า จระเข้ ดังกล่าวน่าจะ อยู่ในขุมน้ำขุมเหมือง ซึ่งมีพื้นที่เชื่อมต่อกับทะเล และได้ว่ายพลัดหลง เข้ามาอยู่ในทะเล
 
คลิป
 
 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง