กลายเป็นเรื่องราวคดีพลิก จากอุบัติเหตุเป็นจัดฉาก หลังสาวรถล้มอาการโคม่า สมองบวม ครอบครัวคิดว่าเป็นอุบัติเหตุ แต่พอพยานฟื้นถึงกับช็อก เพราะ พยานเล่าว่า แท้จริงแล้วถูกชาย 2 คนขับจยย.ตามประกบ ก่อนจะเอาถุงคลุมหัว จนไม่รู้ตัว มาโผล่อีกทีที่โรงพยาบาล !
วันที่ 18 มี.ค. 2567 ฐิติกร อุมา (ตุ้ย) พ่อของน้องเอ คนที่ซ้อน จยย. เล่าว่า เมื่อเวลา 01.00 น. ของวันที่ 2 มีนาคม 2567 ลูกสาวของตน น้องเอ (นามสมมติ) ได้ขี่รถจักรยานยนต์กับเพื่อน น้องบี (นามสมมติ) แล้วเกิดอุบัติเหตุขึ้น ซึ่งลูกสาวของตนอาการสาหัส ทว่า พอเพื่อนของลูกสาวฟื้นขึ้นมาได้บอกยืนยันวาเรื่องที่เกิดขึ้นไม่ใช่อุบัติเหตุ แต่ถูก คนร้ายนำผ้ามาคลุมศีรษะ แล้วเธอก็หมดสติไปทันที มารู้สึกตัวอีกครั้ง ก็นอนอยู่ที่โรงพยาบาลแล้ว เบื้องต้นตำรวจลงบันทึกว่าเป็นอุบัติเหตุ สำหรับอาการของลูกสาวตอนนี้ยังโคม่าอยู่
น้องบี (นามสมมติ) คนที่ขับ จยย. เล่าว่า วันที่เกิดเหตุตนกำลังไปส่งพี่สาวที่โรงพยาบาล โดยขี่จักรยานยนต์มี เอ (นามสมมติ) นั่งซ้อนท้าย ยืนยันว่าตนไม่ได้เกิดอุบัติเหตุ แต่ถูกชาย 2 คน ขี่จักรยานยนต์ ตามหลังมา เปิดไฟสูงใส่ เรียกให้จอด พอตนจอดเขาก็บอกว่า พวกเขาเอาผ้ามาคลุมศีรษะตน จากนั้นก็ไม่รู้เรื่องอะไรเลย ซึ่งตอนโดนคลุมหัวตนได้กลิ่นเหมือนกัญชา
สำหรับ รูปพรรณสัณฐาน ชายปริศนา 2 คน คนขับ ใส่ผ้าคลุมหัวสีดำเปิดแค่ตา มีผมหยิก รูปร่างจะอวบ ๆ และมีรอยสักที่น่องขาข้างซ้าย มีรูปลักษณะคล้าย “เขี้ยว” ส่วนคนซ้อน ไว้ผมยาวรากไทรประบ่า ปัดเป๋ ใส่เหล็กดัดฟัน รูปร่างผอม ใส่เสื้อยืดคอกลม ทรงช่าง
ฟาก เอิร์น พี่สาวของน้องบี (พยาน) เล่าต่อว่า ก่อนที่น้องเอ และน้องบีจะเจอเหตุการณ์ตามข่าว ตนและน้องเอ ได้ขี่รถไปร้านสะดวกซื้อ แต่ได้ถูกกลุ่มวัยรุ่นแถวนั้นกวักมือเรียก ด้วยความกลัวน้องเอได้มาขอขี่รถเพื่อหนีออกจากตรงนั้น แต่ขี่ไปได้ไม่นานก็เกิดเหตุการณ์รถล้มขึ้น ทำให้ตนเจ็บหน้าอก และน้องเอมีแผลที่หัวเข่า จึงเป็นจุดเริ่มต้นก่อนจะเกิดเหตุการณ์ ทั้งนี้หลังจากเกิดเหตุการณ์ไปแล้วตนได้พิมพ์แชตคุยกับน้องสาว ซึ่งม่คนตอบกลับมาแต่ไม่ใช่น้องตอบกลับมาว่า "รถมันชน นี่เจอมันข้างทาง" ซึ่งก็ยังไม่รู้ว่าเป็นใคร
ด้าน พิษณุกร เจ๊ะหมัด (บังลี) กู้ภัย เผยว่า ตอนที่ตนไปถึงที่เกิดเหตุ ก็เห็นน้องผู้ประสบเหตุทั้ง 2 คน นอนสลบอยู่ในพงหญ้า ส่วนจักรยานยนต์ก็อยู่ในบ่อห่างจากตัวน้องประมาณ 10 เมตร น้องเอ นอนหมดสติ ส่วนน้องบี ยังพอมีสติแต่พูดจาไม่รู้เรื่องเลย เหมือนโดนมอมยา ขณะเดียวกันตนคิดว่าอุบัติเหตุครั้งนี้มันแปลก เนื่องจาก ไม่มีรอยขูดของการรถคว่ำเลย แถมรถยังไปอยู่ในบ่อ แต่ผู้บาดเจ็บกลับอยู่ข้างบนบ่อ ตนมองว่าแปลก
เอกภพ เหลืองประเสริฐ ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย และผู้ก่อตั้งเพจสายไหมต้องรอด เผยว่า จากการที่ตนได้ลงพื้นที่ไป ก็เอะใจหลายอย่าง รอยหลุมเสาเหมือนถูกขุดขึ้นมา มากกว่าการโดนรถชน และการที่ตัวน้องกับบ่อห่างกัน 10 กว่าเมตร แสดงว่าต้องขับมาเร็วมาก แต่จักรยานยนต์ที่ตกบ่อกลับไม่มีรอยกระเด็นของโคลนเลย แถมตนยังเจอกล่องถุงยางที่เปิดใช้แล้วด้วย อย่างไรก็ตาม ตอนนี้ตนได้ประสาน ผกก.สภ.องครักษ์ ให้รีบมาสอบสวนน้องบีแล้ว เพื่อพิสูจน์ข้อเท็จจริงต่อไป
ฟาก รศ.นพ.วีระศักดิ์ จรัสชัยศรี แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านนิติเวชศาสตร์ มศว ชี้ว่า อาการของน้องเอนั้น การที่หมอไม่ผ่าอาจเป็นผลดีกว่า เป็นขั้นตอนการรักษาของเขา เนื่องจากมีเลือดออกหลายจุดเล็ก ๆ จุดพวกนี้มันสามารถหายไปเองได้ ถ้าผ่าแล้วอาจเกิดอันตรายมากกว่า อย่างไรก็ตาม การที่น้องมีเลือดออกในสมองต้องถูกแรงกระทำจากภายนอกมากระแทกศีรษะ
จิฬาภรณ์ ตามชู กฤษณสุวรรณ ผู้อำนวยการสำนักงานช่วยเหลือทางการเงินแก่ผู้เสียหายและจำเลยในคดีอาญา กรมคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพ กระทรวงยุติธรรม กล่าวว่า เคสนี้ถ้าน้องเอถูกทำร้าย จนทำให้อาการโคม่าอยู่ตอนนี้ จะเข้าข่ายตาม พ.ร.บ.ค่าตอบแทนฯ จะช่วยในค่ารักษาพยาบาล ค่าฟื้นฟูสมรรถภาพ และค่าขาดประโยชน์ โดยต้องให้ตำรวจสืบสวนว่าใครเป็นคนก่อเหตุ แต่ถ้าสืบมาแล้วมันเป็นลักษณะของอุบัติเหตุจริง ๆ มันจะเข้าข่าย พ.ร.บ.คุ้มครองผู้ประสบภัยจากรถ
ติดตาม รายการ “ถกไม่เถียง” ดำเนินรายการโดย “ทิน โชคกมลกิจ” ทุกวันจันทร์ - ศุกร์ เวลา 17.30-18.00 น. และทุกวันเสาร์ - วันอาทิตย์ พบกับ รายการ “ถกไม่เถียง Weekend” เวลา 17.30-18.00 น. ทางช่อง 7HD กด 35
+ อ่านเพิ่มเติม