ผู้เสียหายออกมาร้องเรียน ถูกตำรวจบุกจับคาบ้าน แต่กลับจับผิดตัว เหตุชื่อ-นามสกุลเหมือนกัน ช้ำแค่นั้นไม่พอ ยังถูกตำรวจโพสต์ประจาน จนชาวบ้านเข้าใจผิดกันหมด !?
วันที่ 27 ก.พ. 2567 กฤษณะ สุขกล่ำ (ต่อ) ผู้เสียหาย ออกมาเล่าเรื่องราวผ่านรายการ "ถกไม่เถียง" ทางช่อง 7HD กด 35 ดำเนินรายการโดย ทิน โชคกมลกิจ เล่าว่า เมื่อวันที่ 18 ก.พ. ที่ผ่านมา มีตำรวจชุดสืบสวนของสน.คันนายาวประมาณ 6 คน บุกมาจับตนถึงที่บ้าน โดยมีหมายจับมาด้วยเป็นคดีฉ้อโกง ซึ่งตนก็แย้งกับทางตำรวจว่าตนเป็นคนบริสุทธิ์ เพราะ เคยเกิดกรณีแบบนี้เมื่อปี 2565 มีเจ้าทุกข์ติดต่อมาหาตน บอกว่าเขาแจ้งความจับคนชื่อ-นามสกุลเดียวกับตน มีการไปฉ้อโกงเขา ซึ่งตนก็แย้งไปว่าชื่อ-นามสกุล นั้นเหมือนกัน แต่เลขบัญชีนั้นไม่ใช่ของตน เรื่องนี้จบลงโดยร้อยเวรที่ทำคดีดังกล่าวติดต่อมาหาตน ตรวจสอบเลขบัตรประชาชนของตน กับคนที่ฉ้อโกง ก็ปรากฎว่าไม่ตรงกัน ตนก็คิดว่าเรื่องมันจบแล้ว จนมาเกิดเหตุการณ์นี้ขึ้น
ทว่าตนเล่าให้ตำรวจ สน.คันนายาวฟัง เขาก็ไม่เชื่อจับตนฝากขังไว้ก่อนตอนเวลา 15.00 น. และต่อมาช่วงเวลาเที่ยงคืน ก็พาตนขึ้นรถตำรวจ พาไปส่งที่สภ.เด่นชัย จังหวัดแพร่ โดยมีแฟนกับญาติตนเองขับรถตามไปด้วย พอถึงสภ.เด่นชัย ตนก็โดนจับกุมเช่นกัน
ฟาก ศรุดา ขาวเหลือง (ยุ้ย) ภรรยาของผู้เสียหาย เล่าเพิ่มว่า ตนได้ตามแฟนไปที่สภ.เด่นชัย ก็ได้ขอทางตำรวจขอดูสำนวนคดี แต่ทางตำรวจได้ทวนเลขบัตรประชาชนของแฟนจากในหมายจับ ซึ่งมันตรงกันกับของแฟน ทว่าตนได้แอบไปดูในสำนวนคดี ก็พบว่าเลข 3 ตัวท้ายของบัตรประชาชนในสำนวนนั้นไม่ใช่แฟนตน ต่อมาทางตำรวจเขาได้ปริ้นเอกสารสำเนาบัตรประชาชนของผู้ต้องหา เขาถึงได้รู้ว่าคนที่จับมาไม่ใช่ผู้ต้องหาตัวจริง เขาถึงได้ปล่อยตัวแฟนออกมา พร้อมกันนี้ตนได้ทวงถามหาความรับผิดชอบ เพราะเขาจับแฟนตนมาไกลมาก ต้องเสียเวลา เสียงานเสียการ ตำรวจจึงได้ให้เงินเดินทางกลับมา 1,000 บาท และตำรวจยังบอกเพิ่มว่า จะทำเรื่องถอนหมายจับให้
กฤษณะ สุขกล่ำ กล่าวต่อว่า หลังจากตนถูกปล่อยตัวกลับมาบ้าน ตนก็รู้สึกอับอายมาก เพราะ วันที่ตำรวจมาจับตนที่บ้าน เขาได้เอาหมายจับไปถามกับเพื่อนบ้านในหมู่บ้านเดียวกับตน ทำให้คนอื่นในหมู่บ้านนั้นรู้ และคิดว่าตนเป็นคนผิด และลูกของตนยังมารู้อีกว่าตนถูกจับ ทำให้เขาคิดว่าพ่อเป็นคนไม่ดี แถมตำรวจที่ สน.คันนายาว ยังเอาภาพแฟนของตนตอนถูกจับไปโพสต์ในเพจ Facebook แถมในโพสต์ยังเขียนว่าจับตนวันที่ 11 ก.พ. 2567 ทั้งที่จริง ๆ แล้ว เขาจับตนวันที่ 18 ก.พ. 2567 วันที่ 22 ก.พ. 2567 ตนไปขอให้เขาลบ เขาก็ไม่ลบกลับตอบมาว่า "กูก็ยังไม่เชื่อมึงอยู่ดี" จนไปร้องเพจสายไหมต้องรอด และมีนักข่าวไปถามเขา เขาเลยเพิ่งลบให้เมื่อเช้านี้ (27 ก.พ. 2567)
ขณะที่ เอกภพ เหลืองประเสริฐ ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย และผู้ก่อตั้งเพจสายไหมต้องรอด ให้ความเห็นว่า ประเด็นนี้มันเป็นความชุ่ยของตำรวจโดยแท้เลย เพราะว่า ที่สภ.เด่นชัย ผู้ต้องหาตัวจริงเขาชื่อ-นามสกุลเดียวกันกับผู้เสียหาย แต่วันที่ตำรวจไปขอหมายจับกลับไปทำท่าไหนถึงมาออกหมายจับที่ผู้เสียหาย ส่วนทาง สน.คันนายาว เขาจับหมายจับมันก็จริงอยู่ แต่พฤติการณ์ของเขากลับเอาหมายจับไปถามบ้านอื่น เขาได้เผื่อใจไว้ไหมว่าเขายังเป็นผู้บริสุทธิ์จนกว่าศาลจะทำการพิพากษา แต่เที่ยวเดินไปจับเขาอย่างกับเขาเป็นมหาโจร แถมยังโพสต์ลง Facebook ของโรงพักอีก ทำให้เขาเเสียหาย เสียชื่อเสียงมาก ตนยืนยันว่ามันต้องมีการเยียวยาให้ผู้เสียหาย เพื่อให้เกิดการจำของตำรวจ ถ้าแค่ขอโทษมันไม่พอ
ด้าน สงกาญ์ อัจฉริยะทรัพย์ กรรมการปฏิรูปประเทศด้านกระบวนการยุติธรรม กล่าวว่า จริง ๆ แล้ว มีคำสั่งมานานแล้ว ว่าตำรวจห้ามนำผู้ต้องหามาแถลงข่าว หรือประจาน ซึ่งตำรวจชุดจับชุดนี้อาจโดนความผิด พ.ร.บ.คอมฯ อย่างไรก็ตาม ผู้เสียหายสามารถฟ้องร้องต่อศาลปกครอง ถึงสำนักงานตำรวจแห่งชาติ และตัวร้อยเวรได้ ในเรื่องความรับผิดทางละเมิดของเจ้าหน้าที่ได้ และถ้าทางสำนักงานตำรวจแห่งชาติเห็นว่าเป็นเรื่องการประมาทหรือบกพร่องของหน้าที่ สำนักงานตำรวจแห่งชาติจะไปฟ้องไล่เบี้ยกับเจ้าหน้าที่เอง ซึ่งตนมองว่าน่าจะเป็นความผิดพลาดส่วนบุคคลของร้อยเวร
ด้าน พ.ต.ท. วีระ งามเลิศ รอง ผกก.(สอบสวน) สน.คันนายาว ชี้แจงว่า เรื่องนี้ยอมรับว่าเกิดความผิดพลาด เป็นความผิดพลาดของแอดมินเพจที่เขียนวันที่การจับกุมผิด ส่วนเรื่องการที่เขาไม่ลบโพสต์ เป็นเรื่องของการเข้าใจผิด ตนทราบมาว่าสารวัตรสืบสวนเขาพยายามจะให้ลบแล้ว แต่แอดมินเพจยังไม่เข้าใจเรื่องราว อย่างไรก็ตามทาง สน.คันนายาว ยินดีที่จะขอโทษต่อผู้เสียหาย พร้อมรับผิดชอบต่อสิ่งที่ผิดพลาดไป
ฝั่ง พ.ต.อ. เบน วงศ์เครือ ผกก.สภ.เด่นชัย แจงว่า ผู้ต้องหาในคดีนี้ถูกออกหมายจับในคดีฉ้อโกงออนไลน์ ขณะเดียวกันตนได้ทราบเรื่องแล้วว่ามีการออกหมายจับผิด เราได้ดำเนินการยกเลิกหมายจับดังกล่าวแล้ว ส่วนสาเหตุที่ออกหมายจับผิดตนต้องขอเวลาตรวจสอบไม่เกิน 7 วัน เนื่องจากต้นคดีเกิดมาตั้งแต่ 2565 แล้ว และยืนยันว่าจะดำเนินการในส่วนของการเยียวยา
ติดตาม รายการ “ถกไม่เถียง” ดำเนินรายการโดย “ทิน โชคกมลกิจ” ทุกวันจันทร์ - ศุกร์ เวลา 17.30-18.00 น. ทางช่อง 7HD กด 35